3 Jun 2012

การจัดฟันกับเครื่องมือคงสภาพฟัน สัมพันธ์กันอย่างไร



จัดฟัน
จัดฟัน
  ถ้าพูดถึงการจัดฟันแล้วก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะพูดถึงเรื่องของ Retainer หรือที่เรารู้จักกันในชื่อภาษาไทยว่าเครื่องมือคงสภาพฟันนะครับ โดย Retainer ถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้หลังจากการจัดฟันเสร็จสิ้นไปเพราะว่าเจ้าอุปกรณืชิ้นนี้นี่เองที่จะคอยช่วยให้การจัดฟันที่ผ่านมานั้นยังคงประสิทธิภาพอยู่ ซึ่งถ้าใครที่ไม่สวมใส่ Retainer เป็นประจำก็จะต้องพบกับสิ่งที่ไม่อยากจะให้เกิดที่สุดเลยอย่างแน่นอน ซึ่งนั่นก็คือสภาพฟันจะกลับไปเป็นเหมือนก่อนหน้าที่จะจัดฟันนั่นเอง มาถึงตรงนี้หลายๆคนคงสงสัยแล้วว่าทำไมรีเทนเนอร์ถึงมีความสำคัญกับคนจัดฟันขนาดนั้น..ถ้าใครอยากทราบก็อ่านต่อไปได้เลยครับ
สำหรับความสำคัญของรีเทนเนอร์นั่นก็คือเพื่อเป็นฐานในการยึดตัวฟันไม่ให้เคลื่อนที่กลับไปยังตำแหน่งเดิมก่อนการจัดฟันนั่นเอง กล่าวย่อๆก็คือเมื่อมีการจัดฟันเกิดขึ้นอุปกรณ์จัดฟันจะทำหน้าที่ผลักดันตำแหน่งของฟันให้เป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้วางไว้ ซึ่งภายหลังการจัดฟันเสร็จสิ้นไปแล้วและทันตแพทย์ได้สั่งให้ถอดเครื่องมือจัดฟันออก นั่นย่อมหมายความว่าเราจะไร้ซึ่งอุปกรณ์ในการบังคับทิศทางการเคลื่อนที่ของฟันตามไปด้วย ซึ่งเจ้า Retainer นี่แหะลครับที่จะมาช่วยเติมเต็มตรงส่วนนี้ให้ขบวนฟันไม่คืนตัวกลับไปอยู่ในสภาพก่อนการจัดฟัน ซึ่งการใส่รีเทนเนอร์นั้นแรกๆหลังจากการจัดฟันจะต้องใส่ตลอดเวลา เนื่องจากสภาพฟันที่ยังเข้ากับตำแหน่งฟันใหม่นั้นยังไม่คงที่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งและทันตแพทย์ได้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ผู้รับการจัดฟันก็จะสามารถถอด Retainer ในเวลากลางวันได้และไปใส่ในช่วงเวลานอนอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งในบางกรณีอาจจะเลิกใส่ Retainer ไปได้เลยแต่ก็หาได้ยากมากๆ หรือในบางคนก็ต้องใส่ Retainer ตลอดเวลาทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละคนด้วย เพราะฟันของแต่ละคนย่อมมีลักษณะแตกต่างกันออกไป
ดังนั้นเราก็จะสรุปได้ว่าการสวมใส่ Retainer หรือเจ้าอุปกรณ์คงสภาพฟันชิ้นนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากและยังต้องสวมใส่ไปตลอดอีกด้วย มิฉะนั้นแล้วฟันที่เคยผ่านการจัดฟันมาอาจจะได้เสียเงินฟรีไปเลยก็ได้ครับ และอีกอย่างนึงนอกจากการสวมใส่รีเทนเนอร์ก็คือการดูแลรักษาทำความสะอาดรีเทนเนอร์เป็นประจำก็เป็นสิ่งที่ควรทำให้บ่อยเนื่องจากว่าถ้าหากไม่ทำความสะอาดรีเทนเนอร์แล้ว รีเทนเนอร์ก็จะกลายเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคที่จะนำปัญหาโรคในช่องปากมาสู่เราได้ในที่สุดนั่นเอง

No comments: